May 27, 2008

-- หนูขอบ่น --

วุ่นวายจังเลยสังคมไทย หลายบ้านตีกัน เพราะเรื่องราวบางอย่าง ... ที่เกิดขึ้นในหน้าการเมืองไทย .. เปิดหนังสือพิมพ์แต่ละหน้าขึ้นมา ก็เห็นแต่เรื่องราวของคนตีกัน กฏหมายสูงสุดของประเทศกำลังจะโดนเอามาขีดเขียนใหม่ เขียนแล้ว เขียนอีก ฉีกทิ้ง แล้วก็ทำใหม่... เฮ้อ แต่พอพูดถึงกฎหมายเล็กๆ รายละเอียดที่ต้องบังคับให้คนไทยทำ คนไทยปฏิบัติ ก็กลับควบคุมไม่ได้ เห็นคนทำผิดกฏหมายมากมาย ตำรวจไม่(อยากจะ)ทำอะไร ข้าราชการ(ทำเป็น)มองไม่เห็น เกิดอะไรขึ้นไปแล้วก็ไม่รู้ ถ้ากฏที่ทุกๆ คนควรจะเคารพ แต่ไม่มีใครยอมเคารพ ปฏิบัติตาม จะผิดอะไรกับสังคมยุคดึกดำบรรพ์.... เรื่องราวของเศรษฐกิจ เงินๆ ทองๆ อยู่บนหน้าหนึ่ง นายกเที่ยวชมตลาด สำรวจราคากับข้าว แต่ทำไม
เรื่องราวของสังคม การศึกษา การคมนาคม กลับไม่ค่อยมีข่าวจี้รัฐบาลให้มันขึ้นหน้าหนึ่งซักที
ทำไมน้ำมันราคาแพง แต่เรื่องของรถไฟฟ้ากลับจอดแน่นิ่งไม่ขยับไปไหนเลย ตอนที่เริ่มมี BTS ตอนนั้นก็ดีใจมากมายที่เมืองไทยจะได้มีรถไฟฟ้าวิ่งทั้งบ้านทั้งเมือง โดยไม่ต้องใช้รถยนต์ นั่งรถเมล์อีกแล้ว เห็นคนในประเทศเจริญๆ เขามีเวลาทำอะไรให้มีประโยชน์มากมายเพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางอยู่กับที่นานๆ ไม่ต้องเสียเงินให้รถตัวเองเอาแต่พ่นควันเพราะน้ำมัน .... แต่เส้นทางก็จอดหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น อัตราความเร็วของการสร้างทางรถไฟก็แช่แข็งซะงั้น ถ้ารัฐบาลทุกชุดมี"ปัญญา"ช่วยกันสร้างทางรถไฟให้เสร็จตั้งแต่ตอนนั้นเพื่อให้เดินทางในกรุงเทพ และปริมณฑล หรือเมืองใหญ่ๆ ในประเทศไทย... ป่านนี้ เราคงไม่ต้องมากระโดดโลดเต้น ตื่นเต้นวุ่นวายกับราคาน้ำมัน ที่ผีเข้าผีออกอยู่เหมือนทุกวันนี้ ........... ทุกวันนี้ที่ต้องไปรับส่งน้องไปโรงเรียน เห็นรถยนต์มากมายจอดนิ่งๆ อยู่กับที่บนถนนช่วงเวลาเร่งด่วน ก็ได้แต่ทอดถอนใจด้วยความเซ็งว่า ทำไมบ้านเรา ถึงไม่ค่อยจะช่วยดูแลโลกเลย...พ่นควันพิษปุ๋ยๆ ลอยขึ้นฟ้า ห้างสรรพสินค้าที่เปิดกันถึงสามสี่ทุ่มในบ้านเรา ทำไมไม่สั่งให้ปิดเร็วขึ้น จะเร่งให้คนเดินห้างกันจนดึกดื่นค่ำคืนไม่กลับบ้านทำไมก็ไม่รู้ ประเทศอื่นหกโมงเย็นเขาก็ปิดห้างแล้ว ถ้าทำได้ คงช่วยประหยัดได้เยอะแยะเนาะ ...ส่วนเรื่องการศึกษา มัวแต่เอาเวลาไปทำอะไรกันก็ไม่รู้ อย่างหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ประถม สมัยหนูเรียนนานมาแล้ว ตอนนั้นเป็นยังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น หน้าตาไม่น่าเรียน ตัวการ์ตูน เนื้อหาน่าเบื่อเหมือนเดิม....สื่อการศึกษามากมายที่ไม่ได้เชิญชวนให้เด็กอยากจะเรียนเลย ทำไมไม่ดูแลโครงการพวกนี้กันบ้าง เสียแรงโฆษณาเมืองไทยชนะรางวัลการออกแบบมาแล้วทั่วโลก แต่หนังสือเรียนของเด็กไทย เอามือป้ายปื๊ดๆ นิ้วก็ดำปี๋อย่างกับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ กระดาษก็เหม็น -_-' ขนาดผู้ใหญ่เห็นหนังสือเรียนเด็กก็ยังไม่อยากจะหยิบขึ้นมาอ่านเลย แล้วเด็กๆ ตัวตี๊ดเดียวเขาจะเซ็งขนาดไหน ...... เรื่องแบบฟอร์มชุดนักเรียนก็เหมือนกัน จะเสียเวลากันอีกนานไหมกับ"เรื่องไม่เป็นเรื่อง" .... ชุดลูกเสือที่บอกว่า เปลี่ยนแล้วเด็กจะสนใจมากขึ้น.... ไม่อยากจะบอกเลยว่าเรียนวิชาพวกนี้มา โตมาไม่เคยได้ใช้ เข็มทิศ เดินป่า หุงข้าวกับฟืน .... จะเรียนไปทำไม ฯลฯ พวกวิชาปฐมพยาบาลแบบใช้ผ้าพันคอ ควรเลิกไปได้แล่ว -_-' แล้วก็เรื่องชุดนิสิต นักศึกษา ที่เราว่ามันน่ารำคาญมากๆ จะนุ่งสั้น เสื้อติ้วแค่ไหน ก็ปล่อยเขาไปเหอะ หากเขามีเหตุผลเพียงพอที่อยากจะใส่ อยากจะโชว์ โตๆ กันแล้วอย่าไปบังคับมากมากเลย แทนที่จะไปเน้นสอนเด็กๆ ให้รู้จักใช้ปัญญาด้วยตัวเอง รู้จักการใช้เหตุผล วิชาปรัชญา โตมาจะได้ไม่ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เอาแต่ตอบคำถามแบบไม่ตรงประเด็น สักแต่ว่าได้เถียงได้โต้ตอบแบบนักการเมืองปัจจุบัน ......เพราะสังคมไทยเอาแต่ชอบบังคับ อะไรที่(ผู้ใหญ่คิดว่า) ไม่ดีก็ปิด ก็เซนเซอร์ ขนาดรูปคนสูบบุหรี่แล้วทำภาพเบลอๆ เราถามน้องสาวอายุ 3 ขวบ เด็กมันยังตอบได้เลยว่าเขาสูบบุหรี่อยู่ เขาเอาปืนจี้หัวอยู่ จะทำภาพเบลอไปทำไมก็ไม่รู้ ปกป้องเด็กมากเกินไป โตมาก็อ่อนแอ ไม่รู้จักคิด อะไรไม่ดีก็ห้าม อะไรไม่ดีก็บังคับ คนในยุคถัดมา เลยชาชินกับการถูกบังคับ เสร็จแล้วเอาไปบังคับคนยุคถัดไป ถ้าคนที่เป็นใหญ่เป็นโตตั้งใจทำงานจริงๆ เสียสละให้คนอื่นบ้าง ไม่พูดมากจริงๆ เผลอแป๊บเดียวหลายๆ โครงการที่ดีๆ ก็คงจะเสร็จไปเยอะแยะแล้ว เสียเวลาทำงานของคนที่เป็นผู้ใหญ่ คนที่ได้ยกย่องให้ใช้คำว่า "ท่านรัฐมนตรี ท่านนายกรัฐมนตรี" .........ก็โตๆ มีประสบการณ์ชีวิต ทำงานเก่งๆ กันแล้ว ทำไมไม่เคยคิดถึงส่วนรวมบ้าง .............

อืม พอละ อิอิ ระบายจบแล้ว จบข่าว จากเด็กบางคนที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องการเมืองซักเท่าไหร่ แต่เริ่มจะรำคาญคน(ที่ชอบเบ่งว่า)มีอำนาจที่กำลังปกครองประเทศมากมาย

4 comments:

Anonymous said...

วันนี้ป้าแกดุมาก .. ของขึ้นอย่างกับไปชุมนุมมา อิอิอิ

แต่ช้านเชื่ออย่างนึงนะแก ถ้าเราผ่านพ้นเรื่องเหล่านี้ไปได้เมื่อไหร่ คนของเราจะมีคุณภาพมากขึ้น เข้าใจหลักการ ปชต. มากขึ้น ถึงวันนั้นเราจะก้าวกระโดด (ถ้าผ่านกันไปได้) มันเป็นการกฎ Selection ตามธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่โลกเรายังมีแต่แบคทีเรีย

ก็ได้แต่เฝ้ารอวันนั้นให้มาถึงซักที (กลัวจะไม่ถึงอะดิ ..)

Sayo said...

ฉันเชื่อว่า
กว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้
ก็คงอีกนานมากๆๆๆๆๆๆ
เพราะต้องรอมนุษย์บางพันธุ์
บุคลิกบางประเภทให้สาบสูญ หรือมีจำนวนน้อยลงก่อน
แต่ตอนนี้รู้สึกว่ากำลังขยายพันธุ์....
เยอะเหลือเกิน

ผ่านเรื่องนี้ไป
ก็มีอีกหลายเรื่องรออยู่
การศึกษาแบบเมืองไทย
ยังอีกห่างไกลจากคำว่าประชาธิปไตย

เวลาของขึ้นก็ไม่ค่อยอยากไปคุยกับใคร
เอามาบ่นในบล็อกตัวเองเสร็จ
ก็ลั้ลลา สบายใจดี

Anonymous said...

ชุดใหญ่เลยแฮะ

ประเทศเราจะมีนักการเมืองดีๆมั่งมั้ยเนี่ย
คนเก่งก็โกง
คนไม่โกงก็ไม่ค่อยเก่ง

เฮ้อ...กว่าจะผ่านยุคนี้ไปได้คนจนๆ คงอดตายกันบ้าง ของแพงทุกอย่าง

ปล. สมองนายก = หมูแพงแนะนำให้ไปกินไก่ + นำตาลแพงกินกาแฟใส่วันละ 2 ช้อนเอง.. ไม่เป็นไรหรอก

Anonymous said...

ได้ข่าวว่าน้ำมันลิตรละ 40 บาท ... ขอแนะนำให้นอนอยู่บ้านไม่ไปไหนทั้งสิ้น

เรื่องรถไฟฟ้าเนี่ย คงยากเกินไปสำหรับประเทศสยามของเราหละมั้ง ต้องรอกันจนแก่นู่นแหละ (เชียงใหม่เนี่ยควรจะมีรถไฟฟ้าแล้วนะ)
จริงๆ รถไฟฟ้าเนี่ยมีหลายแบบ แบบ BTS ที่วิ่งในบ้านเราเนี่ย ที่นี่เขาใช้วิ่งทางไกลๆ หน่อย ไม่จอดป้ายถี่เหมือนบ้านเรา

ระบบโครงข่ายรถเมล์บ้านเราเป็นอีกอย่างที่เละมากๆ ไม่รู้จะวิ่งทับทางกันไปทำไมหลายๆ สาย ถ้าทำระบบดีๆ ก็น่าจะช่วยให้รถติดน้อยลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมทั้งตรงเวลาด้วย

เนี่ย ขนาดช้านเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ยังมีไอเดียร์ตั้งเยอะ ... ช่วยกันเลือกช้านเป็นนายกละกัน 555