ว่ากันด้วยภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ สำหรับโพสท์นี้ไม่ได้จะมาสอนภาษา แค่ขอมาเล่าให้ฟัง
เริ่มต้นกันที่การออกเสียงภาษาอังกฤษ ของคนญี่ปุ่นที่แปลกประหลาด เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
Alphabet* (อะรุฟาเบ็ตโตะ)
a- เอ
b- บี
c- ชี (shI)
d- ดี
e- อี
f- เอ๊ะฟุ (e-fu)
g- จี
h- เอชิ (e-i-chi)
i- ไอ
j - เจ
k - เค
l - เอรุ (e-ru)
m - เอมุ (e-mu)
n - เอนุ (e-nu)
o - โอ
p - พี
q - คิว
r - อารุ (a-ru)
s - เอสุ (e-su)
t - ที
u - ยู
v - บี
w - ดะบุริว (da-bu-ryU)
x - เอ๊กคุสุ (ek-ku-su)
y - วาย
z - ซี
Reference : http://hiramatu-hifuka.com/onyak/onyak2/zibo-1.html
รายละเอียดเพิ่มเติม
เคยงงๆ ไหมคะเวลาคนญี่ปุ่นพูดคำเหล่านี้
- โฮะเตะรุ (ho-te-ru)
- ฟุไรโตะ (fu-raI-to)
- ซาสุเด (sA-su-de)
- โระซังเซริสุ (ro-san-ze-ri-su)
- บังโคะขุ (ban-ko-ku)
- เบรุไซยุ (be-ru-sai-yu)
- มะคุโดะ นารุโดะ (ma-ku-do-na-ru-do)
- โรล่า โคสตา (rO-ra-ko-su-tA)
- อะนิเมะ (a-ni-me)
- เพนจิรุ (pen-ji-ru)
จริงๆ คำเหล่านี้ก็มาจากคำว่า Hotel / Flight / Thursday / Los Angeles / Bangkok / Versailles / McDonalds / Roller Coaster / Animation / Pencil
แม้ว่าระบบตัวอักษรญี่ปุ่นจะมีถึงสามแบบ ได้แก่
Hiragana ฮิระงะนะ
Katakana คะตะคะนะ
(เอาไว้เขียนคำทับศัพท์ที่ยืมจากต่างประเทศทุกภาษา)
Kanji คันจิ
แต่ถ้าเป็นเสียงอ่านแล้ว
ภาษาญี่ปุ่นก็ยังมีสระแค่ 5 เสียง
(สระผสมอีก 6 เสียง)
เมื่อเทียบกับภาษาไทยที่มี
เสียงสระตั้ง 32 เสียง
ภาษาญี่ปุ่นที่มีเสียงสระแค่ 11 เสียง
(และอีกไม่กี่เสียงที่เกิดจากการควบ
เสียงสระบางตัวเข้าด้วยกัน)
คนญี่ปุ่นพอเกิดมาพูดภาษาญี่ปุ่นได้ปุ๊บ
ต้องเจอกับกำแพงยักษ์เวลาเรียนหรือพูดภาษาต่างประเทศ
ก็เลยไม่แปลกที่คนไทยมักจะปวดหัว
เวลาพูดกับคนญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษ
(ไม่นับคนญี่ปุ่นเรียนจบเมืองนอก หรือเรียนอินเตอร์มานะ)
ก็ขอโปรดจงเห็นใจคนชาตินี้มากๆ
เวลาที่คุณคุยกับพวกเขาไม่ว่าจะเป็น
ภาษาต่างชาติภาษาไหนก็ตาม
ถ้าดูดีๆ แล้วภาษาญี่ปุ่น
มีคำยืมจากต่างประเทศมากมาย
นอกจากอังกฤษแล้ว ที่เยอะเป็นพิเศษก็คือ
ภาษาจีน ดูได้จากตัวอักษรจีนที่ญี่ปุ่นยืมมาใช้
เฉพาะรูปร่างหน้าตาและความหมายของตัวอักษร
โดยเรียกชื่อว่า ตัวอักษรคันจิ (Kanji Character)
แต่การออกเสียงตัวอักษรเหล่านี้ก็แตกต่างกันไป
มีคล้ายๆ คลึงกันหลายๆ คน และก็ไม่ได้ออกเสียงเหมือนกันเด๊ะๆ
เวลาคนญี่ปุ่นไปเที่ยวเมืองจีน ก็จะค่อนข้างสะดวก
เพราะอ่านป้ายออก เดาความหมายได้ เห็นหนังสือพิมพ์
พาดหัวข่าวก็พอจะเดาเนื้อหาได้
คนจีนที่ไปญี่ปุ่นก็เช่นกัน ทุกวันนี้
ตามโรงเรียนสอนภาษา พบว่าคนจีน
มักจะเรียนภาษาญี่ปุ่นได้รวดเร็วกว่า
ชาวต่างประเทศคนอื่นๆ
ในประเทศญี่ปุ่นจึงมีคนจีนมากมายที่ไปร่ำเรียนภาษา
และเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
แต่จะว่าไปแล้ว
คนญี่ปุ่นสบายกว่าคนชาติอื่นหลายเท่า
ตรงที่ไม่ว่า จะไปที่ไหน ก็มีภาษาญี่ปุ่น
จัดเตรียมคอยอำนวยความสะดวกไว้เสมอ
เช่นที่ เกาะฮาวาย ที่เรียกเป็นชื่อเล่นกันว่า
อาณานิคมของประเทศญี่ปุ่น ทุกที่ ทุกร้าน
มีแผ่นพับ แล้วก็ป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่น
ควบคู่กับภาษาอังกฤษเสมอๆ
และหากคนชาตินี้ต้องการอ่านหนังสือ
วิชาการยากๆ นวนิยาย เรื่องสั้น
จากต่างประเทศ
ขอบอกเลยว่า มีเยอะจริงๆ
ตั้งแต่สมัยเมจิ แล้วที่ญี่ปุ่นติดต่อกับหลายๆ ชาติ
ช่วงนั้นแปลหนังสือ / รับเอาเทคโนโลยีมาจาก
เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ มากมาย
หนังสือต่างชาติดีๆ มักหนีไม่พ้น
การโดนแปลออกมาเป็นหนังสือดีๆ ให้คนชาตินี้ได้ศึกษากัน
แค่เปรียบเทียบ
จำนวนหนังสือพจนานุกรมดีๆ ของประเทศนี้
ก็พอจะรู้แล้ว
--------------------------------------
หากอยากอ่านเพิ่มเติม
สามารถดูได้ที่
- ภาษาญี่ปุ่น (Japanese Language)
- ระบบเสียงในภาษาญี่ปุ่น (Japanese Phonology)
- คำที่ญี่ปุ่นยืมมากจากภาษาต่างประเทศ Gairaigo จาก Wikipedia
หมายเหตุ
1. ส่วนที่เป็นคำอ่านภาษาไทย
ถอดจากที่เราได้ยินเอง ส่วนในวงเล็บ
ถอดเสียงตามแบบระบบเสียงญี่ปุ่น
ยกเว้นสระไหนใช้เสียงยาวจะใช้ตัว capital)
2. หากพบความผิดพลาดจากบทความนี้ ได้โปรดชี้แนะด้วยนะคะ
5 comments:
จะไปเที่ยวเยอรมันเหรอจ๊ะ :)
[^_^]
ไปเรียนต่อ ป.โท ค่ะ
(แต่ก็คงได้แถม ไปเที่ยวด้วย)
โอ๊ะโอ ไม่ได้เข้ามานานเปลี่ยนโฉมไปเยอะเลยแฮะ
แค่ตัว A-Z อ่านเป็นญี่ปุ่นก็ดูงงแล้วอ่ะ อิอิ
H นี่ไม่ใช่ ecchi เหรอเนี่ย
ตอนแรกก็คิดเหมือนพี่โอ๊กแหละ
พอไปดูเวปนั้นที่เป็นตาราง
เขาก็เขียนว่า E I CHI (katakana)
ก็เลยงงๆ ...
แต่ที่ได้ยินบ่อยๆ ก็ ecchi อะเนาะ
Post a Comment