
โรคขี้เกียจเริ่มถามหา
บินแพทเทิร์นนานที่สุด สิบวันกับเพื่อนๆสนิทอีกสองคน
ไม่เหมือนทำงานแต่ เหมือนไปเที่ยวสนุกๆ กับเพื่อน :)
มีวันหยุดวันนึง ก็เลยให้รางวัลตัวเองด้วยการไปเที่ยว
Tokyo Disneyland

หลังจากหาข้อมูลการเดินทางมาอย่างดี
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่(น่าจะ)สดใส ตั้งแต่ตี 5
หม่ำข้าวต้มตอนเช้ากับเพื่อนๆ (ยังขยันตื่นมาทำอีกแฮะ)
แล้วก็เดินลงไปรอรถบัสที่จะไปขึ้นรถไฟในเมือง รอบ 06.15
ก็เห็นรถตู้เก่าๆจอดอยู่หน้าโรงแรม ก็ไม่คิดว่าจะเป็นรถคันที่ต้องขึ้น
เลยยืนถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนๆ (และกับรถตู้คันนั้นด้วย) จนกระทั่งรถคันนั้น
วิ่งจากไป .............
พอเวลาผ่านไป ...06.20 แล้ว ก็เริ่มตะหงิดๆว่า
เอ๊ะ ทำไมรถยังไม่มาอีกเนี่ย เลยเดินไปถามที่ Front
Front บอกว่า รถตู้คันเมื่อกี้นั่นแหละ ที่เป็นรถรอบ 06.15
เฮ้อ .........................................
พลาดตั้งแต่เช้าเลยแฮะ พอหยิบตารางรอบถัดไปมาดู 07.30 แน่ะ
ได้อดเที่ยวแน่ๆ แถมวันนี้ก็วันอาทิตย์ คนเต็มแหงๆ ......
คิดไปคิดมาจนหัวแทบจะระเบิด ...ก็เลยตัดสินใจว่า
จะขึ้นรถโรงแรมไปสนามบินแทน (ไม่ได้เปลี่ยนไปเที่ยว Euro Disney นะ)
แล้วค่อยนั่งรถไฟจากที่นั่นไป ..... โชคดีที่ได้ขึ้นรถรอบ 06.30 เวลายังไม่สายไปเท่าไร
พอรถบัสวิ่งเกือบจะถึงสนามบิน ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนจะเข้าสนามบิน เขาจะตรวจ
พาสปอร์ต หรือ ID ของ Airline staff .. ของเราเองน่ะ ติดมา แต่ของเพื่อนอีกสองคน
ไม่ได้เอามาด้วย ..........
.......เริ่มกลัวว่า ถ้าเข้าไม่ได้จะทำไงดีเนี่ย เฮ้อที่สอง เริ่มตามมา
หลอกหลอน
แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่เขาไม่ได้ตรวจละเอียดมาก โชว์บัตรลูกเรือ แค่ใบเดียว
ก็เผื่อแผ่ได้ถึงเพื่อนๆ .............
พอลงจากรถ อีก 7 นาที รถไฟก็จะออกแล้ว
ก็สวมวิญญาณนั่งวิ่งลมกรด วิ่งตับแลบ จากชั้น 3 วิ่งทะลุลงชั้นใต้ดิน
กระโดดขึ้นไปนั่งบนรถไฟได้ทันเวลา ................ ค่อยยังชั่วหน่อย
ต่อแรก ไปลงที่สถานี Chiba ต่อด้วย สถานี Soga
และสถานีสุดท้าย Maihama ... แต่สถานีสุดท้าย นั่งเพลินไปหน่อย
ลืมดูว่าถึงแล้ว ... ก็เลยไปป้ายนึง แล้วค่อยนั่งย้อนกลับมา .... โก๊ะจริงๆด้วยแฮะ
มาถึงดิสนีย์แลนด์ก่อนเวลาที่กะไว้ประมาณ 20 นาที
เริ่มตะลุยชอปปิ้งตั้งแต่ ทางเข้า ..... .
พอซื้อบัตรผ่านประตูเสร็จ กำลังจะเดินเข้าไปตะลุยดินแดนมหัศจรรย์
โพล๊ะ -_-' เหลือบไปเห็นกล้องดิจิตอล ของตัวเองหล่นแน่นิ่งอยู่กับพื้น ....
ดูจากสถาพแล้ว ก็มีแค่แบตที่เด้งออกมาอยู่ข้างนอก เลยจับมันยัดเข้าไปใหม่ เฮ้อ
คงไม่เป็นไรมั้ง ........เดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร เห็นปราสาทของดิสนีย์แลนด์
ตั้งเด่น น่าถ่ายรูปจริงๆแฮะ
หยิบกล้องขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูป
อ้าว ปุ่ม shutter หายไปไหน? ...หน้าเริ่มซีดขึ้นๆ เรื่อยๆ ...
เลยกดอะไรไม่ได้เลย
กล้องปิดเปิดได้ ดูรูปได้ตามปกติ หายไปแต่เพียง ปุ่มกลมๆ ไว้กด shutter
เลยวิ่งตับแลบ กลับไปจุดที่เกิดเหตุ ..ผู้คนก็เริ่มพลุกพล่าน ... หาไม่เจออะ เฮ้อออออออออออออออ
อย่างเซ็ง และเซ็งถึงที่สุด ... พนักงานทำความสะอาดของที่นี่ก็สุดยอด กวาดพื้นทุกๆ 5 นาที
ป่านนี้คงไปนอนรออยู่ในถังขยะแล้ว :(
โชคยังดีที่พกกล้อง cheki มาด้วย (คล้ายๆ กล้องโพลารอยด์) ... แต่ไม่วาย เสียตังค์ซื้อ
กล้องแบบใช้แล้วทิ้งเพิ่มอีกตัว ... อุณหภูมิวันนี้ประมาณ 5-10 องศา ...
เลยได้รูปแบบโทรมๆ เน่าๆ ปากซีดๆ ... คล้ายผีดิบเลย ....
เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์เลย ตระเวนเล่นเครื่องเล่น
ได้แบบไม่ค่อยหนำใจ เพราะเสียเวลารอคิวนาน
ได้ดูขบวนแห่ของตัวการ์ตูนภายใต้ theme : Harbour side X'mas 2005
น่ารักทุกๆ ตัวเลย ดูไปก็ยืนเต้นตามไปทุกเพลง (บ้าไปแล้ว 555) อย่างน้อยวันนี้ก็รู้สึกดีที่ไม่ต้อง
มานั่งพะวงกับการถ่ายรูป/ ถ่ายวิดีโอ กับกล้องดิจิตอล ........ เลยได้ชื่นชมแบบสองตา เต็มๆ ทุกโชว์
มองจากตาตัวเอง มันก็สวยกว่า มองผ่านกล้องเนาะ
เวลาผ่านไปเร็วมากๆ แป๊บเดียวก็สี่โมงเย็นแล้ว ฟ้ามืดตื๊ดตื๋อ ....... กล้องเด็กเล่น เลยใช้ถ่ายรูปสวยๆไม่ได้
อีกต่อไป -_-' ....
20.30 ถึงเวลาโชว์ดอกไม้ไฟตระการตาที่สุดแล้ว ตั้งแต่เคยดูมา (อิจฉาคนบ้านอยู่แถวนี้จัง)
มีทั้งรูป Micky mouse / Donald Duck / รูปหัวใจ / ลูกเล่นแพรวพราว อลังการ
ระยิบระยับมากๆ (อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก) ต้องดูเองถึงจะรู้ ...................
ประทับใจมากๆ กับโชว์อันนี้
ในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้านซะที .............. แต่พอเดินผ่านตรงที่ขายของที่ระลึก 10 กว่าร้าน
ที่เรียงรายอยู่ตรงทางออก ....เวลาที่กะวาจะกลับกัน ก็เริ่ม เลื่อนออกไปเรื่อยๆ โดยไม่พะวงกันเลย
ว่าจะตกรถไฟกันรึป่าว ............. เงินในกระเป๋าก็อยู่ครบ แต่
บัตรเครดิตนี่ ออกมาวิ่งไปวิ่งมา จนสลิปเต็มกระเป๋า -_-' แหะๆ นานๆทีก็ขอชอปมั่งนะ
จนถึงเวลาเกือบสี่ทุ่ม จึงได้กลับบ้านจริงๆกันซักที รอบรถที่จดมา ก็ดูไม่ได้แล้ว
เพราะเลยเวลาทึ่จะกลับกัน ......... แถมยังทำถุงมือตัวเองหล่นหายไปข้างนึงอีก (แง้)
กลับไปที่สนามบิน (Narita Airport Station)
ก็กลับไม่ได้ เพราะรถไฟไม่วิ่งไปแล้ว เลยต้องมาลงที่ป้าย Narita Station แทน
แต่ตอนนั้น รถบัสที่วิ่งกลับโรงแรม ก็หมดแล้วด้วย เลยเตรียมควักกระเป๋าจ่ายค่าแท๊กซี่สุดโหดกัน
พอออกจากสถานี เพื่อนคนนึงก็เหลือบไปเห็น รถบัสของโรงแรมที่อยู่ใกล้ โรงแรมที่เราพักอยู่พอดี
เลยวิ่งหน้าตั้งไปขึ้นรถคันนั้น แล้วก็ค่อยต่อรถแทกซี่ ที่ราคาย่อมเยาว์ขึ้นมาหน่อย กลับมาถึง
โรงแรมที่พักตัวเอง 23.50 ก่อนเที่ยงคืนพอดี เฮ้อ ๆๆๆ
ก่อนนอน เตรียมจะต้มมาม่ากิน ก็ดันทำเตาไฟฟ้าตัวเองหล่นในห้องน้ำ ฐานที่เป็นพลาสติก
ก็หล่นกระจาย .......... จากที่ปลงได้แล้วกับความซวยที่ได้รับในวันนี้.....พอมาถึงช๊อตนี้
เริ่มอยากจะร้องไห้แล้ว ทำไมวันนี้ถึงได้โชคร้ายขนาดนี้หนอ
เซ็ง.........
.... สุดท้าย พอเที่ยงคืน หันไปมองนาฬิกา แล้วก็หันไปมองหน้าเพื่อน (ติ๊กจัง) ...
หัวเราะก๊ากกันอยู่นาน ......... กับความซวยของโยะจังในวันนี้ 555
เลยจำวันนี้ได้ขึ้นใจเลย .......
7 comments:
ตื่นตั้งกะตีห้า
อึดมาก
มาถึงญี่ปุ่นวันก่อนหน้าเหรอ?
nbTVLn write more, thanks.
Please write anything else!
Wonderful blog.
Wonderful blog.
Nice Article.
Hello all!
Post a Comment