ย้อนความทรงจำกลับไปช่วงการเรียนในกรุงเหมือนเดิม
ตื่นแต่เช้ามืดรีบๆออกจากบ้านก่อนคนอื่น
ตอนเลิกงาน กลับต้องออกจากบริษัทให้ช้าหน่อย
เพื่อหลบเลี่ยงการจราจรช่วงโรงเรียนเลิก
ขับออกมาได้นิดนึง ทำไมรถติดขนาดนี้
เปลี่ยนใจ แวะหาข้าวเย็นกินก่อนดีกว่า
ขืนดันทุรังกลับตอนนี้ อีกนานกว่าจะได้กินข้าว .......
เดินคนเดียวหน้าสาธิตจุฬา ....
ตึกใหม่ๆ เริ่มโผล่หน้ามาทักทายด้วยเสียงอึกทึก ครึกโครม
จากการก่อสร้าง ........ ที่จอดรถหายไปแล้ว ...
เดินผ่านยูเซ็นเตอร์ .. ร้านอาหารเปลี่ยนหน้าใหม่เกือบหมด
ที่แปลกใจคือมีโรงเรียนกวดวิชา ขนาดเท่าร้านอาหาร
โผล่มาแทนที่ หลายแห่ง
ครูผู้สอนหันหน้าหากระจกใสด้านนอก
เด็กนักเรียนหันด้านในเข้าหากำแพง
มองเผินๆ เหมือนตั้งใจโชว์ให้เห็นวิธีการสอน และห้องเรียนข้างใน
เลียนแบบ Reality show เลยแฮะ ....
ขอชมอาจารย์ว่าสมาธิสูงดี ... ไม่มีวอกแวกเลย ขนาดไปยืนจ้องดูตั้งนาน
ท้องเริ่มร้อง.....
บรรยากาศของร้านอาหารย่านสถาบันการศึกษา
ร้านอาหารที่ประดับไปด้วยแสงของเทียน
เหมือนควันหลงวาเลนไทน์
......... นั่งกินเคล้าแสงเทียน และหนังสือ ..........
รถเริ่มไม่ติดละ กลับบ้านดีกว่า .....
เมื่อชีวิตถือกำเนิดขึ้นมา
เหมือนการกด Play เล่นภาพยนตร์ของชีวิต
จังหวะบางช่วงของชีวิต
จะเร่งมากไปก็ไม่ดี
จะเฉื่อยเกินไป ก็ไม่พอดี
หากเร่งฉายหนังเร็วเกินไป หรือกดให้ภาพช้าเกินไป
ก็จะดูไม่รู้เรื่อง
เราไม่สามารถควบคุมเวลาได้
แต่เราเลือกที่จะคุมจังหวะของการกระทำได้
หยุดพักบ้าง ถ้าจำเป็น
แต่อย่าหยุดแล้วยอมแพ้กลางคัน
หากแต่ข้อยกเว้นบางประการ
สิ่งใด หากดื้อรั้น หรือดันทุรัง
แบบกด Forward เร็วเกินไป
หากเลยผ่านช่วงสำคัญไปแล้ว
การหยุดกระทันหัน
ย่อมนำมาซึ่งความเจ็บปวดได้
ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี
แต่กาลเทศะ ก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน
หากลองสู้จนถึงที่สุดแล้ว ........ ไม่สำเร็จ
จะคุ้มกว่าไหม ถ้าหยุดพัก ....... แบบ Pause
หรือจะหยุดพัก แบบ Stop แล้วยอมแพ้มันตลอดไป ........
ชีวิตไม่ใช่วีดีโอ หรือวีซีดี
ที่มีระยะเวลาของการฉาย ระบุอยู่อย่างชัดเจน .......
เราไม่สามารถกด Reward ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้
แต่
เราเลือกกด Pause ได้
No comments:
Post a Comment