Feb 28, 2006

What you see, is not what you get ...


วันนี้

ได้ติดตาม

เจ้านายไปที่

โรงงานทำ

เครื่องสำอางใหญ่

แห่งหนึ่ง ....



เห็นทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่เริ่มแรก จนขั้นสุดท้าย ....

ใส่ mask ชุดกาวน์ รองเท้า หมวกคลุมผม ... เหมือนนักวิทยาศาสตร์ :P

เหมือนมาทัศนศึกษา ก็ได้ความรู้ไปอีกแบบ ... สนุกสนานดีแท้ ...



แต่ ที่ได้มาเพิ่ม คือ

ความรู้สึก ที่มีต่อสิ่งที่ใช้ ที่เห็นอยู่บ่อยๆ

มันเปลี่ยนไป

ภาพที่เห็น มันไม่ได้เหมือนดังภาพสวยหรูของการตลาด

การโฆษณาฉาบเอาไว้ .......

จริงๆแล้ว ก็คือ ผลผลิตหนึ่งของกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม ...



และอีกเรื่องที่น่าตกใจ

.. คือคุณภาพ / การเลือกปฏิบัติ /มาตรฐานการผลิต

ระหว่าง สินค้าไทย

และสินค้าต่างประเทศ

เช่น พัดลม

... พัดลมที่ผลิตเพื่อต่างประเทศ

ที่ฝาครอบ จะมีซี่กรง ซึ่งถี่มาก เพื่อป้องกัน

ไม่ให้เด็กเล็กๆ ได้รับอันตราย ....


... พัดลมที่ผลิตเพื่อคนไทย

ฝาครอบ จะมีซี่กรง ซึ่งกว้างมาก เด็กแหย่มือเข้าไปได้

เด็กเล็กๆ อาจได้รับอันตราย ...




เข้าใจ... ว่าเป็นเพราะ สัญญาทางมาตรฐานการผลิต ....

แต่ทำไม .... เพื่อคนไทย ... จะเพิ่มต้นทุน ...

แล้วผลิตของที่คุณภาพดี และปลอดภัย

จะไม่ได้เลยหรือ ?


Money is the answer for everything ?




อีกเรื่องหนึ่ง

มีรุ่นน้องที่บริษัท ที่กำลังเรียนขั้นอุดมศึกษาอยู่ ....
เอาชีตมาปึกใหญ่ .. มาไหว้วานให้ช่วยเหลือเรื่องภาษาอังกฤษ

ถามว่าเอาไปทำไร
รุ่นน้องบอกว่า อาจารย์สั่งการบ้านเดี่ยว .... ให้แปลทั้งปึกนี้เป็นภาษาไทย

รุ่นน้องเรียนวิชา บริหารธุรกิจ ...
งงแฮะ ทำไมอาจารย์ถึงไม่สั่งให้ทำรายงาน หรือวิเคราะห์ หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับ Text ภาษาอังกฤษ ...

ไม่ใช่ สั่งให้แปลแบบนี้

รุ่นน้องบอกว่า อาจารย์คงจะเอาไว้ใช้ เรียนต่อ .....


สรุป เพราะงานที่วุ่นมาก และยุ่งสุดๆ เลยไม่ได้ช่วยเขาเลย (เลวมากเรา)
น้องก็เลยไปจ้างคนข้างนอกแปล หน้าละ 250 บาท ...
ถามถึงเพื่อนๆ ร่วมคลาสกับน้อง ต่างหมดเงินกันไป 3,000 บาทขึ้นไป
ลองคำนวณดูว่าเด็กๆ จะหมดเงินกันไปเท่าไหร่



ก็เข้าใจนะ ว่าหากแปลเอกสารเหล่านั้น ความรู้ด้านศัพท์ภาษาอังกฤษคงเพิ่มมากขึ้น ...
แต่ทำสั่งการบ้านแบบนั้นไปเพื่อไร ?
ถ้าสั่งการบ้านที่ ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันไปจ้างใครทำก็ได้ ...
แล้วจะเกิดประโยชน์กับนักเรียน นักศึกษาของตัวเองไหม ?


ทำไม อาจารย์(คนนี้) (ไม่อยากรวมถึงสมัยนี้ )
ถึงเป็นอย่างนี้ละเนี่ย ....
ความรับผิดชอบ เรื่องเรียนของตัวเอง
กับความรับผิดชอบ เรื่องการสอนนักศึกษา...

ทำไมเอามาปนกัน............
ขนาดการเรียนของตัวเอง ยังมักง่ายซะขนาดนี้

แล้วการสอนหนังสือ .. ความรู้ จริยธรรมในวิชาชีพที่พึงมี ..........
จะเหลือแค่ไหน?

ยิ่งพอมาอ่านเรื่อง .......

อาจารย์ขโมยผลงานคนอื่น ไปพิมพ์หนังสือ

ยิ่งเซ็งใหญ่




มักง่ายกันแบบนี้ ...
พูดไม่ออกเลยแฮะ ...

5 comments:

goldfish said...

คนแบบนี้เราอย่าเรียกเค้าว่าอาจารย์เลย เค้าไม่ใช่หรอก

ps for us money is not everthing,right?

Sayo said...

ps2 ... ,... right :)
nu+ melon ..


don't let it become a big part
or most importanct factor in your life ...


Anyway, one day IF i have my own family , don't forget to repeat those words to me again .......




"Time changes, people changes ..."

Oakyman said...

ว่าแต่อาจารย์ไม่ได้
ต้องว่าลูกศิษย์ด้วย

Sayo said...

Yes, of course P'Oak.....

have to blaim the student too..

so lazy that .....




but ... if we focus on the

course and the subject .....

giving the homework like this,

would it work ????


just wonder

Oakyman said...

เป็นปัญหาที่ course ด้วยแหละนะ
แต่ถ้ายังมีนักเรียนจำนวนมากยังมักง่ายอย่างงี้อยู่

อย่าว่าแต่ไปจ้างเค้าแปลเลย
ไปจ้างทำวิทยานิพนธ์ก็มีเยอะแยะ