Jul 13, 2006

-- Hong Kong --



มีบัญชาจากเจ้านาย
ให้ไปประชุมแทนที่ บริษัทสาขาฮ่องกง และในฐานะเพิ่งพ้นโปร ให้ไปดูเยี่ยมชม ชอปของเครื่องสำอางที่โน่นด้วย




ได้ไป Business Trip ครั้งนี้ ประเดิมสถิติใหม่ๆ เยอะแยะมากมาย นับตั้งแต่ ไป Business Trip เป็นครั้งแรกในชีวิต (ตอนเป็นแอร์ไม่นับ เพราะไปทีเป็นโขยงหลายคน) นั่งเครื่องบินคนเดียวครั้งสุดท้ายก็ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มาคราวนี้ก็รู้สึกแปลกๆ ดีเหมือนกัน ขึ้นเครื่องสายการบินCathay Pacific เป็นครั้งแรก ไปต่างประเทศด้วยระยะเวลาที่น้อยที่สุดในชีวิต (พม่า กัมพูชา ลาว มาเลย์ ไม่นับ) นับเวลาได้ทั้งสิ้นประมาณ 34 ชม. ......ทริปที่ใช้จ่ายเงินน้อยที่สุดแล้ว (เฮ้อ โล่งอก ไอ้งก 555 )

บนเครื่องได้นั่งติดกับ ผู้หญิงคนหนึ่ง คุ้นๆ หน้า เห็นตั้งแต่ตอนเช็คอิน ......
เลยถามว่าพี่จบซ.ฟ หรือเปล่าคะ .. ก็เป็นไปตามคาด โชคดีไม่หน้าแตก
พี่แยมเป็นรุ่นพี่สองปีที่เซนต์ฟรังฯ เลยเม้าท์แตก ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง ยันลงเครื่อง
ดีจัง ไม่เหงา .....














ได้พักที่โรงแรมมาร์โคโปโล .....

http://hongkonggateway.marcopolohotels.com/


สุดแสนจะเสียดาย ที่มีโอกาสได้ไปฮ่องกง ช่วงกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์

และได้พักในบริเวณชอปปิ้งด้วย เฮ้อ

... ลดเกิน 50 % ทุกร้านทุกมุมถนน

ได้แต่นั่งรถผ่าน และมองอย่างอาลัย เพราะคราวนี้ มาทำงาน
ไปกับสต๊าฟหนุ่มญี่ปุ่นสุดหล่อละม้ายคล้ายดาราญี่ปุ่นมากๆ

มาในนามของสาขาที่สิงคโปร์ และสาวขี้อำพูดญี่ปุ่นไฟแลบ เพิ่งเข้าใหม่เช่นกันจากไต้หวัน

ตระเวนดู shop ทั่วฮ่องกงสาขาต่างประเทศที่ขายดีที่สุด

ยอดขายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ....(มิวาย แอบโฆษณาอีก แหะๆ)
จนพระอาทิตย์ตกดิน ขาแทบลาก ... ดันลืมเอารองเท้าส้นเตี้ยไปอีก สมน้ำหน้า
แต่หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ทานมื้อเย็นเป็นอาหารจีนสุดหรู

.. อิ่มหนำสำราญมากๆ ... กลับถึงโรงแรม สี่ทุ่มพอดี เวลาที่ทุกห้างถึงเวลาปิดแล้ว (เศร้าเลย)

โชคดีที่โรงแรมที่พัก อยู่ฝั่งเกาลูน ศูนย์กลางแหล่งชอปปิ้ง รวมห้าง ออฟฟิศ และโรงแรมไว้ที่เดียวกัน ....
แต่ก็โชคร้ายที่ ไม่มีเวลาช่วงห้างเปิดเลย สี่ทุ่มออกมาเดินเล่น

หามื้อเช้าตุนไว้ + ได้เสื้อราคาย่อมเยาจากร้านตามริมถนน ที่ยังไม่ปิด

ห้าทุ่มครึ่งกลับโรงแรม ข้าวของ(กิน) เต็มไปหมด ... แล้วก็หลับ ....

ตื่นเช้ามาอย่างสดชื่นนอนไปเก้าชม.เต็มๆ วันนี้มีประชุมตอน 10 โมง

... ที่ออฟฟิศ ซึ่งอยู่ในตึกที่เชื่อมถึงกัน
ออฟฟิศไฮโซ น่าอยู่ น่านอนมากๆ บนชั้น 20 ของตึกริมอ่าว

ฝั่งเกาลูน มองจากห้องประชุมไป เห็นสายลม แสงแดด ทะเล เรือ และภูเขา สุขใจ น่าทำงาน ยิ่งนัก

(แต่ เรานั่งหันหลังให้กระจกล่ะ 555)

เที่ยง ทีมเหย้า พาทีมเยือน ไปทานที่ภัตตาคารอาหารจีนหรู

คลับไฮโซริมทะเล (เดินเชื่อมถึงกันได้อีกแล้ว)
แค่สองมื้อที่กินเข้าไปแคลอรี่ก็ปาไป เท่ากับกินซัก 10 มื้อได้ ..

... กินรอบนี้ไม่ค่อยจะสำราญเท่าไหร่ แอบเกร็ง

เพราะโต๊ะกลมใหญ่มากๆ กลัวคีบอาหารกระเด้งกระดอนมั่ง ....

กลัวผักติดฟันมั่ง (โรคจิตขั้นที่สองแล้ว)

และก็ผ่านไปด้วยดี
ประชุมรอบบ่าย ยาวเหยียดจนถึง 18.45 ....

ทั้งๆ ที่ตามกำหนดการเดิม เราต้องได้ปลดปล่อย(ให้เป็นอิสระ สู่ห้างสรรพสินค้า) ตอนสี่โมงเย็น ....

จองรถ Airport Shuttle Bus ไว้รอบ 19.20 ...
กว่าจะได้หลุดออกมา จากห้องประชุมได้ วิ่งตับแลบกลับไปที่โรงแรม (ดีนะ ที่ไม่หลง เพราะทางวกวนมากๆ)
อาบน้ำ 5 นาที โดนชาร์จค่าห้องเพิ่มอีก เพราะเช็คเอาท์เกินเวลา .
... ตอนเป็นแอร์ยังไม่เคยต้องรีบเร่ง เก็บกระเป๋าเร็ว ขนาดนี้มาก่อนเลย
แทบหมดแรง
ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้ทาน ... กว่ารถจะมารับ ก็ 19.45

ก่อนขึ้นรถบัส ได้แต่ยืนมอง ภูเขาตาละห้อย

ไว้คราวหน้าก่อนเหอะ จะขอไปเยี่ยม Victoria Peak สักครั้ง

.... รถติดยาวเหยียด (บ่นเข้าไป)
ถึงสนามบินตอน 20.45
ยังพอมีเวลาหายใจ หม่ำข้าวเย็นก่อนขึ้นเครื่อง ตระเวนจนเจอร้านก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ พร้อมเคาน์เตอร์ เก้าอี้สูงๆ
(ไม่รู้เป็นไร ชอบมากๆ นั่งเคาน์เตอร์ที่นั่งห้อยเท้าได้ อิอิ) ....
หน้าตาหน้าทานมากๆ แต่ รสชาติ .. อืมมมม ไม่อร่อยเลยอะ หมูตู๋น อร่อยอย่างเดียว ....

แล้วก็หลุดเข้าไปในเครื่องด้วยสภาพอันสะบักสะบอม หมดแรง
ตอนยกกระเป๋าแสนหนัก ขึ้นไปเก็บ (ด้วยความขี้เกียจเอากระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง) ...
ยกผิดท่า ปวดหลังอีก .. เจ็บแปล๊บ ลงไปถึงกลางหลัง ...

..(ไม่มีแอร์คนไหนกล้ามาช่วยยก 55 เพราะดูท่าทางกระเป๋าจะหนักมากๆ

โรคเดียวกับที่เราเคยเป็น ....กรรมตามทัน สม..)


ดีนะเนี่ย ที่อาการไม่หนักมาก แป๊บเดียวก็หาย .....

ได้นั่งติดกับสาวน้อยหน้ามน คนจีน เรื่องคุยกันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เธอพูดกวางตุ้งไม่ได้ (สังเกตจากความสามารถในการคุยกับแอร์) ภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้เป็นที่แน่นอน
สรุป ก็ภาษาใบ้ ค่ะ .... ก็สนุกสนาน ใช้ได้

หลับปุ๋ยยาวเลย แอบ ติ่นมาหม่ำข้าว รอบนึง (เพิ่งทานไปเมื่อสองชม.ที่แล้วนะเจ๊)
แล้วก็หลับจนถึงดอนเมืองเลย .....

ทีนี้ เจ๊ก็เพลิน เดินออกจากเครื่อง ก็เลี้ยวขวา เข้าเทอร์มินัล 1 ตามสัญชาตญาณของอดีตลูกเรือ
ตอนเข้าไปในแผนกตรวจคน (ที่ชอบเป็นลิง) เข้าเมือง เจ้าหน้าที่ทำหน้างงๆ มองหน้า
ทำไมน้องเข้าเทอร์มินัลนี้ละคะ เราก็อ้าว ... แหะๆ ก็ไม่รู้นี่คะ

โชคดีที่ไม่มีกระเป๋าโหลดมากับเครื่อง
ไม่งั้นต้องเดินตับแลบกลับไปที่เทอร์มินัลสอง .......

บังเอิญเจอรุ่นน้อง และรุ่นพี่ ที่มาจากไฟลต์ 707 นาริตะ – กรุงเทพ ฯ ....
ทักทายกันตามระเบียบเสร็จ ... ก็กลับบ้าน
ป๊าป๋ามารับอีกเช่นเคย

Zzzzzzz

Link :

http://typhoonkoon.blogspot.com/2006/07/blog-post_07.html#links

全面的に賛成してま-す。

タイの政治はもう、、、、、、、 

3 comments:

Anonymous said...

なんか楽しそうやな。特に「日本人のスタッフ」って本当に気になった(笑い)色々体験できていいなあ。理想の仕事だなあ ^_^
何よりもサヨにめっちゃ合ってる仕事だと思う。そう思わん?

Sayo said...

本当に気になったら、

紹介してあげるわ :P

Anonymous said...

เสียดายเนอะ
ไปแล้วไม่ได้ซื้ออารายเลย