ด้วยความที่เคยชินเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง
นึกแต่จะคอยรำคาญ เมื่อไหร่ จะหยุดบ่น เมื่อไหร่เราจะโต
เมื่อไหร่เราจะได้เป็นอิสระ ตื่นสายได้นานๆ ทำตัวแบบดินพอกหางหมู
มีชีวิตที่ไม่ถูกใครคอยบ่น คอยว่าซะที ........
ณ ตอนนั้น สิ่งที่เฝ้าคอย คือจุดหมายปลายทาง ...
รอให้ถึงวันที่จะไม่มีใครบ่น แต่ก็มิได้เฉลียวใจเลยว่า
ระยะทางจากวันนั้นจนมาถึงวันนี้....
ระหว่างทาง ได้แต่ใช้ชีวิตแบบไม่มีระเบียบวินัยในตัวเอง
มาวันนี้ หลายปีผ่านไป ปริมาณการบ่นของบุพการีน้อยลงไปมาก
ใช่เพราะความประพฤติ หรือระเบียบวินัยในตัวเรามีมากขึ้น
เปล่าเลย..... เขาขี้เกียจบ่นแล้วต่างหาก
บางทีในสมองก็ออกมาแก้ตัวว่า
คนเรามันต้อง ชิลล์ ชิลล์ เฟ้ย ..
จะมีจะยึดไปทำไม ไอ้ระเบียบวินัยในตัวเองน่ะ
.. ปล่อยสบายๆ น่ะเป็นไหม
จากประสบการณ์ความผิดพลาด ในการจัดการเวลาในชีวิต
พอลองทำการทดลอง ก็พบว่า
ไอ้ที่ปล่อยตัวปล่อยใจ สบายๆ น่ะ
(อีกนามหนึ่งว่า "คุณขี้เกียจ")
มันไม่ได้ชิลล์ๆ 100 % หรอก
ในหัวก็คอยพะวงกับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ
ที่ไม่รีบๆ ทำให้เสร็จ
เผลอแป๊บเดียวกลับมานั่งเครียดกับภาระตัวเดิม
แทนที่จะรีบๆ จัดการกับภาระสิ่งที่ควรรีบๆ ทำให้เสร็จ
แล้วค่อย มานั่งชิลล์นานๆ ....
การฝึกฝนเรื่องระเบียบวินัย
มิใช่สิ่งที่จะมาทำกันได้ ภายใน 1-2 วัน ....
ตอนนี้ คิดนู่นคิดนี่มากมาย ไอเดียเก๋ๆ โผล่จากสมอง
ว่าฉันอยากทำอย่างนั้น อยากเป็นแบบนี้ ..
ก็เพราะคุณ Self-Discipline เจ้าเดิม
ที่ดิฉันไม่เคยให้ความสำคัญ ไม่คิดจะแยแส
มาเป็นเวลานาน อยู่ดีๆ ก็ตระหนักขึ้นมาได้ถึง
ความเป็นอุปสรรคยักษ์ใหญ่จอมสกัดดาวรุ่ง
สกัดสิ่งที่อยากทำมากมาย
ก็เลยนิ่งแช่ตกตะกอนอยู่ในความทรงจำ ให้เพ้อฝันบางเวลา
ไม้แก่ดัดยาก ก็ด้วยประการฉะนี้ เฮ้อ
.............
เรื่องเกี่ยวกับปัญหาชีวิตหลายเรื่อง
หาสาเหตุกันได้ไม่ยาก
แต่
เอาเข้าจริง
ถึงจะรู้ต้นตอของปัญหาแล้ว
ตอนจะเริ่มปฏิบัติจริงๆ ให้ติดเป็นนิสัย
เปรียบเสมือน
"แรงถีบจักรยานครั้งแรก ตอนขึ้นเนิน"
ลำบากกว่า ตอนคิดหาสาเหตุหลายล้านเท่า
ถ้าเด็กคนไหนโตมาแบบ
มีระเบียบวินัย"ในตัวเอง" ที่ติดเป็นนิสัยแล้ว
ตอนจะลงเขา แทบไม่ต้องเอาเท้ามาสัมผัสกับ
ที่ถีบจักรยานเลย แค่บังคับแฮนด์ รับลมเย็นๆ ที่มาปะทะสบายๆ
..อิจฉาจัง ..
ป.ล1 : ช่วงนี้อยู่ในงานยุ่ง สุมๆกองๆ พอกหางเราไว้มากมาย
เลยต้องรีบเริ่ม แคมเปญรณรงค์ปฏิบัติการค้นหา
"ระเบียบวินัยในตัวเอง" เพื่อให้ติดเป็นนิสัย
จะได้เหลือเวลาแบ่งมาให้ภาคความบันเทิงเป็นบางครา
เลยจิตป่วนนิดๆ เท่านั้นแล...
ป.ล2 : ขอยืนยันสโลแกนเดิม
"ความบันเทิงสำคัญกว่าความรู้" 55
****************************
Movie Menu
บนเครื่องบิน ....
- The Ode to Joy (Japan)
ตำนาน Symphony No.9 ในญี่ปุ่นที่แสนโด่งดัง..
เพลงที่ได้ยินกันกระหน่ำในญี่ปุ่นช่วงปีใหม่
- The Davinci Code ครั้งแรกกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์
ยังไงภาคหนังสือ ก็สนุก + ตื่นเต้นกว่า (เนาะ)
- Tsotsi
Movie at Home
- The Squid & The Whale (2005)

******************************
- A Lot Like Love ...

- สารคดี "บ้านแกด้า" ..
ด้านสดใสของชีวิตเด็กที่ได้รับเชื้อ HIV จากบุพการี..
@ Movie Theatre
SeasonsChange :
ดูแล้วก็เสียดายเวลาเรียนดนตรีในวัยเด็ก
ที่เอาไปผลาญกับการแอบอาจารย์อ่านการ์ตูนขายหัวเราะ
-_-'
ป.ล ท่านอาจารย์สาว นักแสดงในดวงใจคนเดิม
ทำเอาคนเส้นตื้นบ้าๆ บอๆ แบบเรา ขากรรไกรค้างอีกแล้ว
***********************
Book
- One (คือหนึ่ง)
Richard Bach / วนุศ แปล
- โคนัน เล่ม 47 --- (เมื่อไหร่จะจบเนี่ย ซื้อเก็บมาตั้งแต่ม.5)
- หากค่ำคืนหนึ่งในฤดูหนาว นักเดินทางคนหนึ่ง
(แอบมึนฮ่ะ 555 -- ยังไม่จบเลยง่ะ )
**********************
Card Collection ..
กรี๊ดสลบ เมื่อได้ของฝากจากเพื่อนสองสาวแดนไกล
แดนซากุระ - ไพ่ลายแมวเหมียวน่ารัก จากคุณนาย MD.Chan
& ไพ่ Western Art จากคุณนาย Catzcov
(จะเอารูปไพ่มาอวดเร็วๆ นี้)
*********************
2 comments:
ชอบของฝากใช่ม๊า เราก็ชอบอ่ะ ก็มันแมว แม๊ว แมวนี่นา อิอิ
วันก่อนเปิดโทรทัศน์ ได้ดูโคนันภาคหนัง(คนเล่น)โดยบังเอิญ แบบว่า เสียมู๊ดอ่ะ ชินอิจิ รัน ไม่มีใครตรงตามอิมเมจในหนังสือสักคน แต่พ่อรันกลับโอเคแฮะ 私的には抵抗なし。。。なんでやろう。。
さっき名前を書き忘れちゃった。書かなくても、知ってるはずだよね・^_^
Post a Comment