Nov 28, 2006

If you were me....

สมมติว่า


คุณมีญาติผู้ใหญ่ที่สนิทสนมกันมากๆ อายุมากกว่า 80 ปี
ต้นปี .. ท่านหกล้ม เจ็บขา พาไปหาหมอ หมอเอ๊กซเรย์ให้
บอกไม่เป็นอะไร กลับบ้านได้ ไม่ต้องห่วง

หลังกลับบ้าน ท่านเจ็บกว่าเดิม เจ็บขึ้นเรื่อยๆ จนลูกๆ เริ่มเอะใจ

อีก 1 สัปดาห์ พาไปหาหมออีกครั้ง คราวนี้หมอก็ดูฟิล์มเอ๊กซเรย์อีกทีดีๆ
..อ้าว... กระดูกหักนี่นา ต้องผ่าตัดด่วน ฝังไทเทเนียมที่บริเวณสะโพก ...
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ครั้งที่ 1 ผ่านไป


ครั้งที่สอง ตามมาด้วยเวลาไม่นาน หมอตรวจพบเนื้อร้าย
...ต้องรีบผ่าตัดด่วน วิสัญญีแพทย์ให้ปริมาณยาผิด (จำชื่อไม่ได้)
ทำให้ท่านต้องช็อค ... โชคดีที่ปลอดภัย


ครั้งที่สาม เมื่อไม่นานมานี้ อยู่ดีๆ เจ็บบริเวณท้อง ไปหาหมอ เอ็กซเรย์ .....
ตรวจพบ สิ่งแปลกปลอม มันคือ ท่อยาง (อุปกรณ์ผ่าตัด)
ที่หมอลืมไว้ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ตอนผ่าตัดถุงน้ำดี


หลังเหตุการณ์นี้จบลง
เกิดหลายคำถามขึ้น ว่าจะทำอย่างไรดี
บางคนบอกต้องฟ้องร้อง ขึ้นศาล เรียกค่าเสียหาย (เพื่อเอาไปทำบุญ ฯลฯ)
บางคนบอกต้องยื่น Notice ต่อโรงพยาบาล ให้จัดการ
บางคนบอกปล่อยหมอไปเถิด เพราะหมอแก่แล้ว (กรณีครั้งที่ 3)

หลายคนหลายเหตุผลที่นำมายืนยัน ความคิดเห็นของตัวเอง

1. คนแรก บอกต้องฟ้องร้อง เพราะว่า หมอทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ถ้าไม่ฟ้องร้องให้รู้สำนึกบ้าง
ก็จะได้ใจ ลดความรอบคอบ มาตรฐานในการตรวจรักษาโรค
เราเห็นด้วยกับวิธีนี้


2. คนที่สอง บอกฟ้องร้องไปจะได้อะไรขึ้นมา อีกอย่าง ก็ไม่ใช่กรณีรุนแรง

แล้วต้องขนาดไหนถึงจะเรียกว่ารุนแรง รอให้อัมพาต หรือเสียชีวิต?
จะวัดจากผลลัพธ์ หรือจะวัดจากความประมาทในการประกอบวิชาชีพ ?
อย่างไหนสำคัญกว่ากัน

ลองนึกดู หมอเลินเล่อ ทำพลาดเหมือนกันเปี๊ยบ
กับคนไข้เบอร์ 1 ถึงแก่ชีวิต แต่ คนไข้เบอร์ 2 แค่เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ
แบบนี้ เบอร์ 1 ควรจะฟ้อง แต่เบอร์ 2 ไม่ควรฟ้อง เช่นนั้นหรือ ?

อีกอย่างหนึ่ง
ที่คนที่สองอ้างเหตุผลนี้ ตรงที่ ถ้าเรายื่นเรื่องให้ทางโรงพยาบาล
จัดการคุณหมอท่านนั้นเอง

ถ้ามนุษย์ 100 % ซื่อสัตย์ในอาชีพหน้าที่ และวิชาชีพของตน โลกทั้งใบ
คงปั่นป่วนน้อยกว่านี้เยอะ
เพราะนักการเมืองก็ไม่โกง นายกก็ไม่กิน ฯลฯ
แต่ ระบบการปกป้องพวกพ้องตัวเอง เพื่อเพื่อน เพื่อคนรู้จัก มีมากมาย
นับประสาอะไร กับหมออาวุโส ระดับผู้บริหารในโรงพยาบาล จะไม่ช่วยเหลือกันเลยหรือ
.. (วันนี้ขอยอมมองโลกในแง่ร้ายสักวัน)

ดังนั้น พึ่งตัวกลาง....... กฎหมาย .......... (ที่ก็ ใช้ได้ถูกคนบ้าง ผิดคนบ้าง)

นอกเสียจาก ผู้บริหารที่รับเรื่องเหล่านั้น จะลงมากำหนดมาตรการใหม่
เพื่อการดูแล ตรวจสอบ วิธีรักษาพยาบาล


กับสิ่งที่เจ้าของเหตุผลข้อนี้เป็นห่วง เรื่องที่ว่า หากจ้องจะฟ้องร้องกันอยู่อย่างนี้
ทุกครั้งที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น
หรือ ในไม่ช้า เมืองไทยก็จะเกิดภาวะที่ คนไข้ก็จ้องจะฟ้องร้องหมอ
หมอก็หามาตรการป้องกันตัวเองจากการถูกคนไข้ฟ้องร้อง
การถ้อยทีถ้อยอาศัย สัมพันธภาพอันดีระหว่างคุณหมอ และคนไข้
ก็จะเลือนหายไปจากสังคมไทย


ท่านพี่เพคะ ท่านน้องว่าคนละเรื่องเดียวกันเลย


ตราบใด ที่โรงพยาบาลยังไม่มีมาตรการรีเช็ค การตรวจรักษาคนไข้ ออกมารองรับ
ถ้าเราไม่ฟ้องร้องตอนนี้ จะรอให้หมอ ไปทำพลาดอีกกี่ราย เจ็บตัวขนาดไหน ถึงจะฟ้องได้

คนไข้ไม่ได้เลวร้าย จ้องจะดูดเงินหมอ ไปทุกคน
และหมอ ก็ไม่ได้ตรวจรักษาคนไข้ ไปทุกคนเช่นกัน

ก็ว่ากันไปตามเหตุการณ์
ผิด ก็ออกมายอมรับผิด แล้วก็ชดใช้ เพราะ มันมีผลลัพธ์ที่เกิดจากความผิด
ไม่ผิด ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น




3. คนที่สาม เหตุผลมีอย่างเดียว อย่าจองเวรกันและกันเลย
สงสารคุณหมอเขา ท่าทางคำพูดเขาก็รับผิดไปแล้ว
แถมยังมาช่วยผ่าตัดเอาออกให้ฟรีเสียอีก (ก็แหงดิ ลืมไว้เอง )

ไม่ว่าจะเหตุผลอย่างไรก็ตาม

ประเด็นสุดท้าย ที่เราคิดว่า สำคัญที่สุด คือการถาม “คนไข้” เลยว่าจะจัดการอย่างไรดี
เพราะสิทธิของผู้ที่ตัดสินเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คือผู้ที่โดนกระทำ จากผู้ที่กระทำ

เพียงแต่ตอนนี้ผู้โดนกระทำ อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้
เพราะอายุที่มากขึ้น


ลูกหลาน ก็มีมากมาย หลากหลายความเห็น
ท้ายที่สุด เรื่องราวจะไปถึงไหน ไม่มีใครรู้
สงสารท่านมากๆ
คิดดูแล้วกัน ว่าอายุก็เกิน 80 แล้ว
ให้มาทนรับการผ่าตัดเพียงแค่ปีเดียว เกือบ 3-4 ครั้ง ในระยะเวลาที่ใกล้ๆ กัน
ใครจะไปทนไหว ผ่าตัดทีนึง พลังงาน ความสดใส ก็หายไป ร่างกายจะระบม
รับความเจ็บปวดได้มากแค่ไหน


เราอยากให้
โรงพยาบาลในปัจจุบัน เพิ่มระบบการ Recheck ให้มากกว่านี้
ผ่าตัดคนไข้เสร็จ ส่งกลับบ้านเลย

เราเข้าใจ ว่า มนุษย์ ต้องมีข้อผิดพลาดกันบ้างทุกคน
ดังนั้น การรีเช็ค จึงสร้างขึ้นเพื่อให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นน้อยที่สุด
ให้มนุษย์อีกคนมาช่วย หรือเครื่องมือที่ทันสมัย

ถ้าเพิ่มมาตรการตรวจสอบ หรือนัดมา X-ray กันอีกรอบ
ดูดีๆ ดูละเอียดๆ ว่ามีสิ่งแปลกปลอมหลงเหลืออยู่บ้างไหม ....
สภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง

แพทย์จะได้ไม่ต้องมาร้อนๆ หนาวๆ หวาดๆ ว่า
ตัวเองจะไปลืมของไว้ในท้องใครบ้างไหม หรือ คนไข้
จะได้ไม่ต้องตระเวน ตรวจรักษา 2-3 โรงพยาบาล
เพียงเพราะไม่มั่นใจ ในคุณภาพของแพทย์ที่รักษาตน


ขนาดเด็กประถม ทำการบ้านเลข ยังต้องตรวจคำตอบเลย
บนเครื่องบินยังต้องมีระบบ Crosscheck เพื่อระบบความปลอดภัย
(แถม ตรวจแล้วยังเจอที่ผิด ก็บ่อย)


แล้วนับประสาอะไรกับ ชีวิตที่มีค่ามากกว่าตัวเลข
จะไม่ตรวจสอบกันหน่อยหรือคะ ?


มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะถนอมชีวิตที่มีคุณค่าไว้
แต่ อย่าปล่อยให้ต้องจบชีวิตกันง่ายๆ
แล้วเอาแต่โทษโชคชะตา ฟ้าลิขิต
เพียงเพราะความเลินเล่อของมนุษย์อีกคน

(รวมเรื่องอื่นด้วย เมาไม่ขับ-บุหรี่ห้ามสูบนะจ๊ะ)




ถ้าเป็นคุณ
คุณจะทำอย่างไร ?






หมายเหตุ เหตุที่รู้เรื่องราวรายละเอียดของความผิดพลาด
เพราะมีเพื่อนสาวสุดน่ารักและใจดีของท่านพี่ เป็นหมอ......
หมาย (หัว) โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านฝั่งธน ติดแม่น้ำ ใกล้เซ็นทรัล

หมายความตามที่กล่าวไปเมื่อนานมาแล้ว ว่าวิชาการใช้เหตุผล ตอนปี 1 ได้ C
อ่านอันไหนแล้วงงๆ ก็ขออภัย เชิญแย้งได้ ณ คอมเม้นต์....

22 comments:

Sayo said...

...

หรือว่า


เวรควรระงับด้วยการไม่จองเวร ?

Oakyman said...

อยู่ที่
ความสนิทสนมของคนไข้กับหมอ

ทำแล้วคนไข้ได้อะไร
จะเกิดอะไรกับหมอมั้ย
เกิดแล้วจะเกี่ยวอะไรกับเรามั้ย

ฯลฯ

Anonymous said...

ส่วนมากเราเห็นด้วยกับหยอยนะ
ระบบตรวจเช็คก็ดีนะ
คือว่าพ่อเราเป็นหมอ แล้วโดนฟ้องมากก่อนน่ะ
ต้องบอกว่า เคสบายเคส จริง ๆ
ฟ้องเลยถ้าหมอเลินเล่อจริง
อะเกน ว่า เคสบายเคส อย่าเหมาว่าหมอแย่ซะทุกโรงบาลไป หมอดี ๆ มีเยอะ ไม่มีหมอที่ไหนอยากจะพลาด หมอ นี่ก็น่าสงสารอ่ะ
เรื่องนี้เราคุยได้แปดวันไม่หลับไม่นอนเลยนะ

Sayo said...

PJ ..
ชื่อเล่นเราตั้งมาก็ออกจะไพเราะน่ารัก
ไฉนถึงได้กลายเป็นชื่อนี้ได้เนี่ย อิอิ
แต่ก็มี PJ เรียกคนเดียวแหละ :)ยอมให้

เคยไปอ่านเรื่องป่าป๊าของแป้งจ๋อย
ที่บล็อก ... เราก็เห็นใจแหละ

ทั้งสองฝ่าย ถ้าพูดเรื่อง
เจตนาแล้ว ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก
หมอก็อยากช่วย คนไข้ก็อยากหาย

แต่เรื่องระบบ /กระบวนการ ถ้าแก้ให้ดีๆ
ให้มันรัดกุม ปลอดภัย เราว่าคงดีกว่านี้เยอะ

เหมือนเวลารีเช็ค stopper / latch
บนเครื่อง รีแล้วรี อีก ก็ยังมีหลุดๆ มีพลาดกันได้
อะเนาะ .. หัวใจจะวายทุกที
ตอนทำ galley duty แล้วต้อง
นั่งใกล้ครัว ตอนเครื่องจะขึ้น หรือลง

Anonymous said...

อืม ใช่แหละหยอย

เป็นอาม่าเรา เราเกรี้ยวตายเลย
ถ้ามาเกิดซ้ำเกิดซ้อนอยู่เรื่อย มันก็ไม่ไหว

จริง ๆ แล้วพ่อเราก็บอกว่า หมอไม่สนใจคนไข้ก็มีเหมือนกัน เดี๋ยวนี้มันเป็นแพทย์พานิชย์ไปซะเยอะอ่ะ

ดีที่สุดคือรักษาสุขภาพ อย่าเอาชีวิตไปแขวนกะหมดบ่อย แง่ม ๆๆ

Anonymous said...

เอ้อ... อ่านแล้ว สงสารคนแก่ที่สุดเลย
คุณหมอเค้าน่าจะคิดถึงใจคนไข้ และคนที่รักและเป็นห่วงคนไข้มากกว่านี้เยอะๆเนอะ

ถ้าเป็นชั้นเหรอ ชั้นก็คงไม่กล้าฟ้องหรอก
แต่คงจะขอเวลานัดพบหมอ และคุยกันดีๆว่า ในมุมมองของคนไข้ และลูกหลาน มันรู้สึกแย่แค่ไหน ที่เห็นคนที่เราเป็นห่วงต้องมาเจ็บตัวเพราะเรื่องอย่างนี้

เงินน่ะ ไม่ได้อยากได้หรอก
ย้อนเวลา กลับไปให้หมอทำใหม่ให้ดีๆ ก็ไม่ได้แล้ว
หมอขอโทษ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
แค่สงสารคนไข้ ดูแลคนไข้คนต่อๆไปดีกว่านี้ ก้อพอนะ

ปล1 วันนี้ชั้น โหมดเป็นคนดีว่ะ ฮ่าๆ
ปล2 ไม่ได้คุยกันซะนานนะซาโยะ สบายดีเน่อ

Anonymous said...

vhSC7Y The best blog you have!

Anonymous said...

ZfymTf Please write anything else!

Anonymous said...

Good job!

Anonymous said...

Good job!

Anonymous said...

actually, that's brilliant. Thank you. I'm going to pass that on to a couple of people.

Anonymous said...

Magnific!

Anonymous said...

Thanks to author.

Anonymous said...

Please write anything else!

Anonymous said...

Good job!

Anonymous said...

actually, that's brilliant. Thank you. I'm going to pass that on to a couple of people.

Anonymous said...

ywu9EJ write more, thanks.

Anonymous said...

Nice Article.

Anonymous said...

Wonderful blog.

Anonymous said...

Thanks to author.

Anonymous said...

Wonderful blog.

Anonymous said...

Hello all!