มีได้นั่งเรือข้ามฟาก ไปดู shop ในที่ต่างๆ บ้าง
ส่วนใหญ่ก็เน้นกิน (ฟรี) อย่างเดียว




กลั้นใจรอคอยวันสุดท้าย ที่จะมาถึง
ส่วนใหญ่ก็เน้นกิน (ฟรี) อย่างเดียว




กลั้นใจรอคอยวันสุดท้าย ที่จะมาถึง
นั่นคือ วันกลับบ้าน
โชคดีขอเจ้านายกลับไฟลต์กลางคืนได้
โชคดีขอเจ้านายกลับไฟลต์กลางคืนได้
วันนี้ทั้งวันเลยมีเวลาเที่ยวได้เต็มที่
หลังจากมองหาที่เที่ยวมากมายแล้ว
หลังจากมองหาที่เที่ยวมากมายแล้ว
สุดท้าย ขอเลือกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ดีกว่า
ไปคนเดียว อยู่ดูได้นานๆ ไม่ต้องเกรงใจใคร
ไปคนเดียว อยู่ดูได้นานๆ ไม่ต้องเกรงใจใคร
พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับเกียรติไปเยี่ยมชมจากหนูโยะ ก็คือ
Hong Kong Museum of History

เดินไปถาม Bell Boy ของโรงแรมที่พักว่า
Hong Kong Museum of History

เดินไปถาม Bell Boy ของโรงแรมที่พักว่า
ตั้งอยู่ไหน ก็ได้คำตอบมาเป็น
แถบไฮไลท์สีชมพู บนแผนที่เล็กๆ แผ่นหนึ่ง …
เขาบอกว่า เดินไป 15-20 นาทีก็ถึง
แถบไฮไลท์สีชมพู บนแผนที่เล็กๆ แผ่นหนึ่ง …
เขาบอกว่า เดินไป 15-20 นาทีก็ถึง
อืมมม เชื่อก็ได้ ไว้หลงแล้วค่อยนั่งแท๊กซี่ละกัน
กว่าแม่นางจะได้เยื้องย่างออกจากโรงแรม ก็เกือบเที่ยงแล้ว
เพราะตื่นสาย หม่ำข้าวเช้า แถมแวะไปชอปปิ้งก่อน

กลัวหลงมากๆ เพราะไม่คุ้นที่คุ้นทางเลย
เดินๆ ได้แป๊บเดียวก็ถึงที่หมายแล้ว ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม

กลัวหลงมากๆ เพราะไม่คุ้นที่คุ้นทางเลย
เดินๆ ได้แป๊บเดียวก็ถึงที่หมายแล้ว ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม
ตั้งอยู่ติดกับกับ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เลย ใหญ่โตพอๆ กัน
(ประมาณสยามพารากอนได้.. อิอิ เว่อร์ละ)
ตั้งพิพิธภัณฑ์ติดๆ กันนี่ก็สบายดี ทำเหมือนกับ แก๊งโซนนิ่ง
ตั้งพิพิธภัณฑ์ติดๆ กันนี่ก็สบายดี ทำเหมือนกับ แก๊งโซนนิ่ง
พิพิธภัณฑ์ของโตเกียวในสวนสาธารณะอุเอโนะ
(Ueno Park) ที่รวมเอาตั้ง 7 พิพิธภัณฑ์ไว้ในที่เดียวกัน สะดวกดี
มารอบนี้ คาดว่าคงเลือกเข้าที่เดียวพอ เพราะกลัวตกเครื่องบินคืนนี้
(Ueno Park) ที่รวมเอาตั้ง 7 พิพิธภัณฑ์ไว้ในที่เดียวกัน สะดวกดี
มารอบนี้ คาดว่าคงเลือกเข้าที่เดียวพอ เพราะกลัวตกเครื่องบินคืนนี้
จ่ายเงินค่าบัตรเข้าชมเสร็จเรียบร้อย วานพี่ยามถ่ายรูปให้สักสองรูป
ได้เวลาหลุดเข้าไปในโลกของฮ่องกงในยุคดึกดำบรรพ์
ด่านแรก ของพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องราว ของระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม
ด่านแรก ของพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องราว ของระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม
และสภาพอากาศ โดยรวมของฮ่องกงในอดีต
จนถึงปัจจุบัน

ปูพื้นฐานให้ผู้เข้าชมเข้าใจก่อนว่า ฮ่องกง จริงๆ แล้วลักษณะ
จนถึงปัจจุบัน

ปูพื้นฐานให้ผู้เข้าชมเข้าใจก่อนว่า ฮ่องกง จริงๆ แล้วลักษณะ
ทางกายภาพ ภูมิศาสตร์ หน้าตาเป็นอย่างนี้นะ
ไม่ใช่ที่ชอปปิ้ง กับศูนย์กลางธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว
จากนั้น ก็แวะไปทักทายกับมนุษย์(ขี้ผึ้ง) ยุคหินโบราณ
ไม่ใช่ที่ชอปปิ้ง กับศูนย์กลางธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว
จากนั้น ก็แวะไปทักทายกับมนุษย์(ขี้ผึ้ง) ยุคหินโบราณ
ผ่านจากด่านนี้ ก็เป็นด่านเรื่องราวของประเทศจีนในโบราณ แต่เน้นหนักมาทางแถวๆ ฮ่องกง
อธิบายการใช้ชีวิตของคนในยุคนั้น มีทั้งชาวเรือ คนทำเกลือ
ธรรมเนียมการแต่งงาน (ห้องนี้ครึกครื้นด้วยเสียงเพลง หนวกหูพอประมาณ)
แล้วก็อุปรากรจีน (งิ้ว) ที่จำลองเอามา
ให้ดูจุใจ ทั้งหน้าและหลังเวที เผลอแป๊บเดียว ก็หลุดออกมาที่ทางออก

อ่าว งง ไหงมันหมดแล้วล่ะ มีแค่นี้เองหรอ ????
ให้ดูจุใจ ทั้งหน้าและหลังเวที เผลอแป๊บเดียว ก็หลุดออกมาที่ทางออก

อ่าว งง ไหงมันหมดแล้วล่ะ มีแค่นี้เองหรอ ????
อืม คงมีแค่นี้มั้ง เดินออกเลย พอเดินออกมา
ก็เดินเข้าไปในร้านขายของที่ระลึก เตรียมจะซื้อหนังสือ
ของพิพิธภัณฑ์เป็นที่ระลึก พอเปิดๆ ดูด้านในหนังสือ
เอ๊ะ ทำไมมีรูปที่เรายังไม่เคยเห็น รูปสงครามฝิ่น รูปญี่ปุ่น
รูปช่วงสงครามโลก ด้วยล่ะ ????
ความเฉลียว เริ่มมีบ้างละ
ความเฉลียว เริ่มมีบ้างละ
เอ๊ะ สงสัยมันต้องมีอีกชั้น ที่เรายังไม่ได้เข้าไปดูแน่เลย
ด้วยความตกใจ แกมงก (เพราะกลัวต้องจ่ายค่าเข้าชมอีกรอบ)
ด้วยความตกใจ แกมงก (เพราะกลัวต้องจ่ายค่าเข้าชมอีกรอบ)
เลยไปอ้อนวอนกับพี่ยามที่ทางเข้า
พี่ยาม ก็ฟังภาษาอังกฤษ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
สุดท้าย พี่ยามชี้ไปที่ทางออก ที่เพิ่งเดินออกมา
บอกว่า เดินเข้าไปเลยทางนั้นน่ะ
บอกว่า เดินเข้าไปเลยทางนั้นน่ะ
เดี๋ยวจะ วอ บอกยามอีกคนหนึ่งให้
แหะๆ ค่อยยังชั่ว เข้าฟรีอีกรอบ พอเดินเข้าไป
แหะๆ ค่อยยังชั่ว เข้าฟรีอีกรอบ พอเดินเข้าไป
พี่ยามอีกคนก็ยืนยิ้มรอ
ก็เจอกับบันไดเลื่อน ที่เราเพิ่งเดินผ่านมา
(เจ๊ ไม่ได้เฉลียวใจเลย ว่าเขามีบันไดเลื่อน
(เจ๊ ไม่ได้เฉลียวใจเลย ว่าเขามีบันไดเลื่อน
ให้เดินขึ้นไปข้างบนนะจ๊ะ หนูโก๊ะ เอ้ย หนูโยะ )
พอเข้าเขตชั้นสอง เวลาเริ่มเดินมาใกล้ปัจจุบันมากขึ้น
พอเข้าเขตชั้นสอง เวลาเริ่มเดินมาใกล้ปัจจุบันมากขึ้น
โซนแรกเป็นโซนของ Opium War หรือว่า สงครามฝิ่น
เล่าเรื่องไว้ ยาวเหยียด ทั้งจดหมายเหตุ (ของจริง)
และรูปจำลอง ภาพการทำลายฝิ่น อังกฤษในยุคนั้น
เลวมาก พอเห็นจีนเอาใบชาเข้าไปขายเยอะ จนอังกฤษขาดดุล
เลยต้องใช้แผนร้าย เอาฝิ่นเข้าไปในเมืองจีน .... คนจีนเลยติดกันงอมแงม
เพราะคุณผู้ดีอังกฤษ ไปๆมาๆ จีนก็ไม่ยอมให้เอาเข้า เลยต้องทำลาย
กันขนานใหญ่ (ดูในรูปด้านล่าง)

เรื่องราวชักบานปลาย อันนี้เล่าเยอะไม่ได้ กลัวข้อมูลผิดพลาด แหะๆ เอาเป็นว่า

เรื่องราวชักบานปลาย อันนี้เล่าเยอะไม่ได้ กลัวข้อมูลผิดพลาด แหะๆ เอาเป็นว่า
ไปๆมาๆ อังกฤษเลยใช้ข้ออ้าง เรื่องนี้ ทำสงครามกับจีนซะเลย
จริงๆ เรื่องราววุ่นวายมากมาย จีนไม่ยอมมั่ง อังกฤษไม่ยอมมั่ง กว่าจะเป็นสงคราม
จนสุดท้าย จีนก็แพ้คุณผู้ดีแต่ใจร้ายชาวอังกฤษ ในสนธิสัญญาปักกิ่ง (1898) ระบุว่า
จีนจะต้องยอมให้อังกฤษเช่า ฮ่องกง เป็นระยะเวลา 99 ปี ....รวมไปถึงรายละเอียดอื่นๆ
ที่เอาเปรียบจีนสุดๆ (ขี้โกง) อ่านต่อที่นี่ Opium war
หลังจากนั้นมา ก็กลายเป็นฮ่องกงในแบบที่รุ่นเราๆ รู้จัก จนปี 1997
เลยมีโอกาสได้อยู่มีชีวิตอยู่ในสมัยที่อังกฤษคืนฮ่องกงให้กลับไปอยู่ในอ้อมอกจีน .....
เล่าไปซะยืดยาว จริงๆ ตอนเรียนหนังสือสมัยมัธยม ก็ไม่ค่อยได้สนใจนัก
เล่าไปซะยืดยาว จริงๆ ตอนเรียนหนังสือสมัยมัธยม ก็ไม่ค่อยได้สนใจนัก
สนแค่จำๆ ให้ได้หมด เพื่อให้สอบเอ็นท์ติด พอขึ้นมหาลัย ปี1
วิชาบังคับ อารยธรรมตะวันออก .. (มีป่าวหว่า ลืมแล้ว)
และวิชา CJK (China-Japan-Korea)
เลยรู้จักประเทศจีนมากขึ้นหน่อย เพราะอาจารย์สอนดีมาก
ปิ้งแผ่นใส ซีรอคซ์เลคเชอร์กันสนุกสนาน :P แต่ก็เป็นแค่เวอร์ชั่นในห้องเรียน
แต่ สอบเสร็จปุ๊บ เหมือนเรื่อง Mission Impossible ระบบความจำเรื่องวิชาการ
ก็ทำลายตัวเองโดยอัตโนมัติ มาคราวนี้ มาถึงฮ่องกง
ได้มาเห็นจดหมายของจริงที่ติดต่อกันระหว่างสองรัฐบาล
นั่งดูภาพยนตร์ 10 นาที เล่าเรื่องราวทั้งหมดในสมัยสงครามคราวนั้น แป๊บเดียว
เข้าใจง่ายกว่าอยู่ในห้องเรียนเยอะ....เนาะ
พอผ่านโซน สงครามฝิ่นไป จากนั้นก็เป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของชาวฮ่องกงในสมัยก่อน
พอผ่านโซน สงครามฝิ่นไป จากนั้นก็เป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของชาวฮ่องกงในสมัยก่อน
การค้า โรงเรียน โรงน้ำชา บ่อนพนัน (อันนี้หยุดดูนานหน่อย 55) โรงรับจำนำ ร้านขายขนม
ธนาคาร ฯลฯ เยอะมาก เล่าไม่หมด แต่ตกแต่งสถานที่ จำลองบรรยากาศ
จนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมวยฮ่องกงจริงๆ เถิบมาสมัยปัจจุบัน อีกนิด ก็บอกเล่า
เรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากญี่ปุ่นบึ้มเพิร์ลฮาร์เบอร์ได้ไม่นาน ฮ่องกงก็โดนญี่ปุ่นยึด .....
ถัดไป เป็นช่วงที่ฮ่องกงกำลังพัฒนาเต็มพิกัด ...ที่พักอาศัย ..สาธารณูปโภค..
ด้านการศึกษา จำลองห้องเรียนในสมัยก่อน เอาโต๊ะเรียน กระดานดำ + เปิดเพลงของเด็กนักเรียน
ที่น่ารักคือ มีกลุ่มเด็กอนุบาลเดินแถวเข้ามาดูโซนนี้พร้อมเราพอดี และหนูๆ ทุกคน ก็
เปล่งเสียงร้องเพลงที่กำลังเปิดอยู่ในห้องนั้น โดยมิได้นัดหมาย
ส่วนสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ คือ การคืนเกาะฮ่องกงให้ประเทศจีน ที่ทำเป็นภาพยนตร์เกือบ 10 นาที
บอกเล่าเรื่องราว ตั้งแต่สมัยก่อนโน้น สงครามฝิ่น สนธิสัญญาปักกิ่ง ความยากลำบากต่างๆ ของฮ่องกง
ส่วนสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ คือ การคืนเกาะฮ่องกงให้ประเทศจีน ที่ทำเป็นภาพยนตร์เกือบ 10 นาที
บอกเล่าเรื่องราว ตั้งแต่สมัยก่อนโน้น สงครามฝิ่น สนธิสัญญาปักกิ่ง ความยากลำบากต่างๆ ของฮ่องกง
และความช่วยเหลือที่ฮ่องกงมีให้กับแผ่นดินใหญ่ ....
ปิดรายการด้วยการชอปปิ้ง ของที่ระลึก
โปสการ์ดมากมาย .... แล้วก็นึกขึ้นได้
ว่าวันนี้ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย หิวแล้วววว
ระหว่างทางขากลับ จึงได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวอะไรก็ไม่รู้
ระหว่างทางขากลับ จึงได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวอะไรก็ไม่รู้
น้ำซุปอร่อย และเผ็ดมาก .....
ซี๊ดซ้าด จนทนไม่ไหว น้ำตา น้ำมูกไหลย้อย (แหวะ)
เลยขอกระดาษทิชชู่เขา ก็พูดจากันไม่รู้เรื่อง
เพราะเจ๊ พูดอังกฤษไม่ได้ สุดท้าย
เจ๊เดินหยิบกระดาษทิชชู่มาให้หนึ่งห่อ
แล้วก็บอกว่า 1 เหรียญ นะจ๊ะ
คำว่าทัศนศึกษา ของที่นี่ คือ ทัศนะ + ศึกษา จริงๆ
ไม่ใช่บ้านเรา (บางโรงเรียน) ที่ทัศนศึกษา แปลว่า ทัศนะ อย่างเดียวพอ
ไม่ค่อยเน้นให้ศึกษาเท่าไหร่
- เด็กอนุบาลตัวเล็กๆ มาพร้อมคุณครูมากมาย คุณครู 1 ท่านต่อเด็กประมาณ 10-15 คน
อธิบายคร่าว ๆ ให้เด็กรู้สึกสนุก ตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์จริง
(ฟังไม่ออกหรอก แต่แอบยืนดูอยู่)
(เห็นเด็กที่คาดจมูกอยู่ไหมเอ่ย ... เด็กคนไหนที่เป็นหวัด
ก็จะใส่ผ้าคาดจมูก เพื่อป้องกันการเอาหวัดไปแพร่เชื้อให้เพื่อนๆ...
เด็กไทยควรทำตามอย่างยิ่ง)
ขอชมเชยอีกเรื่องคือ ภาพยนตร์ความยาวประมาณ 8-10 นาที
มีอยู่ เกือบ 10 เรื่อง กระจายอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ
บอกเล่าเรื่องราวด้วยภาพ และเสียง ตอกย้ำให้เข้าใจเรื่องราว
และความรู้สึกของผู้คนในแต่ละยุค จนอัดแน่น....
สุดท้ายนี้ ...
พิพิธภัณฑ์ในเมืองไทย ... ในปัจจุบันและอนาคต
ทุ่มงบประมาณกันเยอะๆ หน่อยก็ได้
ผลการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการศึกษา
ให้ผลได้ยืดยาวนาน
ขออีกนิด
เปิดทำการวันหยุดนักขัตฤกษ์
หรือวันหยุดของราชการบ้างก็ได้นะคะพี่
ชาวบ้านชาวช่อง
จะได้มีเวลาพาลูกพาหลาน ไปเที่ยว ไปหาความรู้....
(แอบเคือง แหะๆ เคยจะพาน้องไปเที่ยววัดพระแก้ว
วันจันทร์ที่เป็นวันหยุดของราชการ - ชดเชยวันอะไรก็จำไม่ได้แล้ว)
ไปถึงปรากฏว่า ปิดค่ะ ... เศร้าเลย
----------------------------------------------------
สุดท้าย


ด้วยแสงอาทิตย์สุดท้ายของฮ่องกง ก่อนบินกลับ ประเทศไทย อันเป็นที่รักยิ่ง ..............
*******************************************************
Movie : Flubber
Series : 3 lbs. / ER ช่วงนี้ คลั่งไคล้ซีรี่ส์คุณหมอ จัง
Book : The Tipping Point (Malcolm Gladwell)
การเมืองของไพร่ (พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์)
Game : Caesar
Next Post : Ayutthaya the story
*******************************************************
*******************************************************
1 comment:
รูปเพียบพร้อมอธิบายละเอียดขนาดนี้ เพื่อนๆคงไม่ต้องไปเที่ยวด้วยตัวเองกันแล้วหละ จะขอบใจดีมั้ยนะ
Post a Comment