May 12, 2007

-- To Read & Write --

I To Read
---------------------------------
1.The Illustrated Mum (Jacqueline Wilson)

2.หลังไมค์ บีบีซี (BBC The Gangs)
เบื้องหลังคลื่นวิทยุที่โดนป่าป๊า
บังคับให้ฟัง(เป็นเพื่อน)ทุกเช้า
ที่มาพร้อมที่ไป ..แบบตลอดกาล

3.เราสูญเสียมันไปตอนไหน (อธิคม คุณาวุฒิ)

4.ถนนหนังสือสายคาบูล (The Bookseller of Kabul)
อ่านฉบับ "จิระนันท์ พิตรปรีชา" แปล
อีกเล่มที่อ่านแล้ว รู้สึกว่าโชคดีจริงๆ
ที่ไม่ได้เกิดเป็นสาวอัฟกัน...
5.ในเงาพรหม (จินตกัญญา)

6.สวนดอกไม้ (ประภัสสร เสวิกุล)

7.อิฐ (นิ้วกลม)

8.โคนัน เล่ม 51

9.โลกของหนูแหวน
โลกของเด็กทำไมช่างบ้องแบ๊ว
อะไรอย่างนี้เนี่ย
10.The Tipping Point
11.Marketing Insight from AtoZ
12.มติชน สุดฯ
- จตุคาม (จำชื่อบทความไม่ได้แล้ว)
- สถาบันการหย่า
ยาชื่ออ.นิธิ แรงดีจริง

ที่มา : หนังสือที่ได้รับการแวะเวียน
ช่วงสัปดาห์นี้
---------------------------------

หลายวันมานี้ จำนวนหนังสือที่ผ่านลูกตา
เพิ่มปริมาณขึ้นด้วยอัตราที่รวดเร็วผิืดปกติ

เวลาว่างมากขึ้น ? เปล่า
งานน้อยยลง ? ไม่ใช่
ต่อมขยัน ทำงานผิดปกติ ? ไม่ใช่ละ
(ใครบอกว่าคนชอบอ่านหนังสือ เป็นคนขยัน...
จากการสังเกตตัวเอง พบว่า..

เกิน 70% ของช่วงเวลา
แห่งการอ่านหนังสือ เป็นช่วงที่อารมณ์ขี้เกียจมีมากที่สุด)

คำตอบคือ
เพราะ งานยุ่งขึ้น ชีวิตวุ่นวายกว่าเดิม
ช่วงเวลาเดียวในแต่ละวัน คือ มื้อค่ำ
ที่ได้หลบโลกยุ่งๆ ไปอยู่คนเดียว
ในสวนอักษร กับร้านอาหารสักร้าน

อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยจัดสมดุลชีวิตให้ลุกขึ้นมาสู้
กับวันยุ่งๆ ในวันรุ่งขึ้นอีกยกนึง

โลกของหนังสือสำหรับเรา คือ
1. "การพักผ่อน" = ความสุขที่เคลื่อนที่ได้
2. การเสาะหาโลกส่วนตัว

จากความน่าเบื่อของกิจกรรม
สถานการณ์ที่โดนจองจำให้ไปไหนไม่ได้

เลยเกิดอารมณ์ของขึ้นที่
เรียกว่า "เบื่อเฟ้ย" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

เวลาลืมหยิบอุปกรณ์บำบัดความเบื่อส่วนตัว

อาทิ iPod / กล้องถ่ายรูป


ฯลฯ


to read ในแบบนี้
ก็ "แฮปปี้ดีจัง" :)


***************************************
II To Write
(Note : การเขียนในที่นี้ ย่อมหมายถึง การพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ด้วย)

มานั่งนึก ยามที่จิตปั่นป่วน

อารมณ์รวนเรและแปรปรวน
ยากที่คนรอบข้างจะควบคุมไหว
"การเขียน" เป็นหนทางบำบัดที่ดีที่สุด
ยิ่งวันไหนจิตตก หงุดหงิดมาก เจอปัญหา หรือ

ความเครียดที่เกินความควบคุมของตัวเอง

ก็รักษาได้ด้วยการเขียนอีเมล์ส่งหาตัวเอง
สัก 4 หน้ากระดาษ A4 ..

พอกด send ปุ๊บ...
โล่งสบาย..เหมือนส่งผ่านความเครียดไปให้คนอื่น
"การอ่าน" ช่วยบำบัดจิตไ้ด้บ้าง แต่ไม่ได้รวดเร็วเท่า
การจิ้มนิ้วลงบนแป้นพิมพ์

(คงวิธีเดียวกับการไปนอนมองเพดาน

แล้วคุยกับจิตแพทย์แหละมั้ง)

ความฝันอย่างหนึ่งที่แอบมีมานาน
และยังคงเป็นฝันต่อไปอีกเนิ่นนาน
คือ การได้เป็นนักเขียน ที่มีผลงานดีๆ สักเล่ม.......

แต่... ตอนนี้ขอเก็บรวบรวมวิทยายุทธ์ไปนานๆ ก่อน
สักวันจะไปอ้อนป๊ะป๋าให้เป็นสปอนเซอร์

ด้านการผลิต (hoho)

*********************************
When Reader meets Writer
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ระยะห่างระหว่างผู้เขียน และผู้อ่าน
ลดระยะทางลงไปมาก จากที่ต้องเขียนจดหมาย
ไปหาสำนักพิมพ์เพื่อส่งต่อให้นักเขียน

เดี๋ยวนี้
- งานสัปดาห์หนังสือ นักเขีัยนมาให้เจอตัวเป็นๆ เซ็นกันจะๆ
- นักเขียนมีอีเมล์ เพียงกด send ทุกๆ สารก็ไปถึงนักเขียนภายในเวลาอันรวดเร็ว
เคยเีขียนเมล์ไปหานักเขียนท่านนึง บอกว่าชอบหนังสือที่เขียนมากๆ
วันรุ่งขึ้นปุ๊บ ก็ได้เมล์ตอบเลย รวดเร็วซ้า...

- เคยคุยทาง MSN กับนักเขียนที่ชื่นชอบสำนวนภาษา ในหนังสือที่บังเอิญอ่าน
และบังเอิญเจอบล็อก และ (บังเอิญอีกรอบ) เห็นอีเมล์ ก็เลย add MSN contact
อยากคุยด้วย เพราะอยากรู้ว่า สำนวนภาษาในการสนทนา จะแตกต่างจากมนุษย์
ธรรมดาๆ บ้างไหม

แม้จะอหังการถึงขั้นติดต่อ ส่งสารไปชื่นชม
ชื่นชอบ ถึงผลงานของนักเขียนทั้งสองท่าน แค่ไหน

สุดท้าย การส่งสารเพียงครั้งเดียว
ภาพที่ปรากฎ หรือความรู้สึกที่มี คือคำว่า
" แปลกๆ "
ไม่รู้ว่าทำไม เกิดอะไรขึ้น ก็ไม่อาจรู้ได้
สงสัยว่า เราจะเคยชินกับการ"รับสาร"
หาใช่การส่งสาร ให้ผู้ที่เขียนสารนั้น...
จากนั้นมา ก็ไม่เคยคิดอยากจะพูดคุย หรือสนทนา
กับนักเขียนท่านไหน บนเครือข่ายใยแมงมุม
หรือแบบตัวเป็นๆ


นอกเสียจากว่า
ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ผ่านมา
ได้ลายเซ็นของคุณ "วินทร์ เลียววาริณ"
ตัวจริง เสียงจริง มาประทับลายมืออยู่บนหน้าแรกของ
หนังสือ "ความฝันโง่ๆ" โอย...กรี๊ดๆๆๆ (ในใจ)

ตอนยื่นหนังสือให้เซ็น มือก็สั่นแล้วสั่นอีก
เกิดมาไม่เคยให้นักเขียนคนไหนเซ็นชื่อให้เลย
เพราะจำได้ว่า นับตั้งแต่ได้อ่านเล่มแรกๆ
มาจนถึงวันนี้ 13 ปีเต็มๆ ฝีไม้ลายมือ เรื่องสั้นหักมุมใน
"อาเพศกำสรวล" และ "สมุดปกดำกับใบไม้สีแดง"
สมัยที่ยังพิมพ์กับดอกหญ้า

ลายเซ็นเท่ๆ บนหนังสือเจ๋งๆ เล่มนั้น
เหมือนจะบันทึกไว้ว่า

เนี่ยแหละ เล่มนี้ ฉันเขียนมากับมือนะ
ฉันให้เธอไว้เป็นที่ระลึก

ก็แค่นี้แหละ ที่นักอ่านคนหนึ่งต้องการ.... [^_^]

4 comments:

nookrit said...

หนังสือ.. ความสุขที่เคลื่อนที่ได้ ชอบครับชอบ
(เหมือน Kloster.. Happiness you can drink รึเปล่าเนี่ย)

นางสาวอุ๊บแนะนำว่ามีเพื่อนแปลกๆอยู่คนนึง
เลยให้แวะเข้ามาอ่านเล่น ขออนุญาตินะค้าบบ

Sayo said...

อ่าว -_-'


อืมมม.. "แปลกๆ"

Anonymous said...

ความเครียดที่เกินความควบคุมของตัวเอง
ก็รักษาได้ด้วยการเขียนอีเมล์ส่งหาตัวเอง
สัก 4 หน้ากระดาษ A4 ... โห เกินควบคุมจริงๆ

เราชอบอ่าน ชอบเขียนเหมือนกัน แต่พอกลับจากที่ทำงาน บางทีการใช้สายตาอยู่หน้าจอคอมมาทั้งวัน มันทำให้หมดแรงที่จะมานั่งใช้สายตาในการพักผ่อนที่บ้านอีก...ส่งผลให้หนังสือที่ซื้อตอนสัปดาห์หนังสือยังกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ จะได้อ่านบ้างก็ตอนเสาร์-อาทิตย์ เนี่ยแหละ

อยากเป็นนักเขียน เหมือนกัน แต่คงต้องฝึกไปอีกน้านนาน

เคยได้ลายเซ็นของนักเขียนแล้วประทับใจเหมือนกัน
ตอนนั้น"นิ้วกลม"คงเห็นอาการเมื่อยล้าในการเดินสัปดาห์หนังสือปีที่แล้ว เลยวาดรูปหน้าแข้งให้ 1 ข้าง พร้อมประโยค "ขาแข็งแรง ฝันแข็งแรงนะครับ" ชอบจัง :D

Anonymous said...

อ่านจนจบแล้วคิดว่าคิดคล้ายๆ เราเลยล่ะ ฮ่าๆ :)